ติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ ถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ถูกพัฒนา และออกแบบมาเพื่อป้องกันสีรถยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือก็คือ สิ่งที่จำปกป้องสีรถของคุณจากรอยขีดข่วนต่างๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเศษหิน ก้อนกรวด ทราย หรือเศษวัตถุต่างๆ ที่อาจจะมาสัมผัสกับตัวรถของคุณได้ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วสร้างความเสียหายให้กับรถของคุณ จึงทำให้การติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ทั้งภายใน และภายนอก เริ่มเป็นที่ลูกค้า และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยที่วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จัก และสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ ว่าทำแบบไหนให้มีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด
1. ฟิล์มกันรอยรถยนต์ คืออะไร
ฟิล์มกันรอยรถยนต์ คือวัสดุชนิดหนึ่งที่มีความใส โปร่งแสง มีความเหนียว และยืดหยุ่นสูง มาพร้อมกับความหนาระดับหนึ่งที่เหมาะสมกับการใช้งาน ในการป้องกันปัญหารอยขีดข่วน ที่อาจจะมากระทบ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ ต่อสีรถทั้งภายใน และภายนอก หลักๆ แล้วจะมีให้เลือกใช้งานด้วยกัน 2 ประเภท นั่นก็คือ TUP หรือ เทอร์โมพลาสติก จะเป็นสารเคมีที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ PU มีความยืดหยุ่น และทนทาน กับอีกหนึ่งประเภทนั่นก็คือ PVC หรือ โพลี่ไวนิลคลอไรด์ ประเภทนี้จะมีต้นทุนที่ค่อนข้างถูก แต่ก็จะแลกมากับอายุการใช้งานที่สั้น มักจะเจอปัญหาฟิล์มกรอบ แตกง่าย
2. ประเภทของฟิล์มกันรอย
ฟิล์มกันรอยรถยนต์จะมีให้เลือกใช้งานหลายรูปแบบ ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น จึงทำให้หลายๆ บริษัทหันออกมาให้ความสนใจ ออกแบบ และพัฒนาให้ออกมาตรงกับความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยปกติแล้วความหนาของฟิล์มกันรอยรถยนต์จะอยู่ที่ 6 – 8 มิลล์ฟิล์ม หรือ 180 – 250 ไมครอน ขนาดประมาณนี้จะช่วยป้องกันเศษหิน เศษดิน บนท้องถนนได้เป็นอย่างดี
3. ราคาติดฟิล์มกันรอยรอบรถ
เพราะจากจากคุณภาพที่เป็นปัจจัยหลักในการเลือกใช้ฟิล์มกันรอยแล้ว ราคาที่เหมาะสมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน ซึ่งหลักๆ การเลือกใช้งานจะถูกแบ่งราคาออกตามแพคเกจ หรือความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับความชำนาญของศูนย์บริการที่เลือกใช้ ราคาค่าเฉลี่ยต่อการติดตั้งในแต่ละครั้งเริ่มต้นที่ 15,000 – 30,000 บาท และสูงที่สุดถึง 120,000 – 130,000 บาทต่อครั้งเลยทีเดียว
มีเหตุผลมากมาย ที่ควรติดฟิล์มกันรอยรถยนต์ ซึ่งปัจจัยเพียงอย่างเดียวที่ทำให้หลายคนไม่สามารถติดตั้งได้นั่นก็คือเรื่องของราคา เพราะฉะนั้นการเลือกใช้ศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน ดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพ ในราคาที่สมเหตุสมผล ก็จะสามารถทำในเรื่องของค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี เพราะงานที่ออกมาจำเป็นที่จะต้องได้มาตรฐาน เพื่อการใช้งานที่คงทนนั่นเอง